สถาบันวิจัยและส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม จัดการอบรมหลักสูตร “การพัฒนาคุณภาพคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์”
ในวันที่ 19-20 มีนาคม 2565
ฝ่ายวิจัยและพัฒนานวัตกรรม สถาบันวิจัยและส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม จัดการอบรม “การพัฒนาคุณภาพคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์” แบบในที่ตั้ง ณ ห้องร่มฉัตรบารมี คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ และแบบออนไลน์ผ่านโปรแกรม ZOOM วัตถุประสงค์ของโครงการคือเพื่อให้ผู้ที่จะทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัย และคณะกรรมการสมทบฯ ของมหาวิทยาลัย มีความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบของคณะกรรมการ ตามที่กำหนดในกฎหมาย ระเบียบ หรือข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง เพื่อสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด สอดคล้องกับมาตรฐานสากลว่าด้วยเรื่องจริยธรรมการวิจัย โดยได้รับเกียรติจาก รองศาสตราจารย์ ดร.สุภาภรณ์ สุดหนองบัว จากมหาวิทยาลัยนเรศวร และคณะทำงานติดตามและประเมินผลทางวิชาการ โครงการจัดทำคู่มือมาตรฐานคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ทางสังคมศาสตร์และพฤติกรรมศาสตร์ โดยสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เป็นวิทยากรในการอบรมในครั้งนี้ โดยมีผู้เข้าร่วมอบรมซึ่งเป็นบุคลากรของมหาวิทยาลัย จำนวนทั้งสิ้น 90 คน ผ่านรูปแบบออนไลน์ จำนวน 65 คน และในที่ตั้ง จำนวน 25 คน
ดำเนินการจัดอบรมโดย ฝ่ายวิจัยและพัฒนานวัตกรรม สถาบันวิจัยและส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม
มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรีเป็นที่ปรึกษาการจัดทำระบบควบคุมคุณภาพและมาตรฐานสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ไทย (Internal Control) สินค้าชมพู่เพชร
เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2565 ว่าที่ ร.ต.อาณัติ หุ่นหลา เกษตรจังหวัดเพชรบุรี พร้อมด้วย นางสาวสุจิรา กิจเจริญ หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต และ อาจารย์ ดร.ศิริวรรณ แดงฉ่ำ มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี ในฐานะที่ปรึกษาการจัดทำระบบควบคุมคุณภาพและมาตรฐานสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ไทย (Internal Control) สินค้าชมพู่เพชร ร่วมกับเกษตรอำเภอทุกอำเภอในจังหวัดเพชรบุรี เข้าร่วมประชุมคณะทำงานควบคุมตรวจสอบกระบวนการ ผลิตและจำหน่ายสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ “ชมพู่เพชร” โดยมี เกษตรจังหวัดเพชรบุรี เป็นประธานการประชุม ณ ห้องประชุม SU 504 อาคารนิวัตสโมสร มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี อำเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี เพื่อร่วมกันพิจารณายกร่างขั้นตอนการทำงานจัดทำระบบควบคุมคุณภาพและมาตรฐานสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ไทยสินค้าชมพู่เพชร ของคณะทำงานฯ แนวทางการลงพื้นที่ตรวจประเมินฯ แผนการดำเนินงาน และการประเมินคุณภาพฯ รวมถึงแผนการสรุปผลการลงพื้นที่ตรวจประเมินฯ และประชาสัมพันธ์เพื่อให้ผู้ที่สนใจขอใช้ตราสัญลักษณ์ GI ชมพู่เพชร ทั้งเกษตรกรผู้ผลิต ผู้ประกอบการค้า และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องรับทราบโดยทั่วกัน
✨พิธีเปิดโครงการการพัฒนาลวดลายผ้าทอเส้นใยสับปะรดดอนขุนห้วยสู่อัตลักษณ์จังหวัดเพชรบุรีและการสร้างมูลค่าเพิ่มวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรจากใบสับปะรดสู่บรรจุภัณฑ์ผ้าไหมอัตลักษณ์ดอนขุนห้วย✨
✨พิธีเปิดโครงการการพัฒนาลวดลายผ้าทอเส้นใยสับปะรดดอนขุนห้วยสู่อัตลักษณ์จังหวัดเพชรบุรีและการสร้างมูลค่าเพิ่มวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรจากใบสับปะรดสู่บรรจุภัณฑ์ผ้าไหมอัตลักษณ์ดอนขุนห้วย✨
👉วันนี้ (16 มีนาคม 2565) เวลา 09:00 น. ผู้ช่วยศาสตราจารย์พจนารถ บัวเขียว รองอธิการบดีมหาลัยราชภัฏเพชรบุรี ได้รับมอบหมายจากผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เสนาะ กลิ่นงาม อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี ให้เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการการพัฒนาลวดลายผ้าทอใยสับปะรดดอนขุนห้วย เสื้อลายจังหวัดเพชรบุรี
โดยกิจกรรมเป็นการทออัตลักษณ์ผ้าใยสับปะรดโดยใช้ต้นแบบจากที่วิทยากรร่วมกับชุมชนในการพัฒนาลวดลายเป็นรูปสับปะรดเพื่อจะใช้ในการทอผ้าออกมาเป็นผืนในการตัดเสื้อ
🙏ซึ่งพิธีเปิดได้รับเกียรติจากสหกรณ์การเกษตรดอนขุนห้วย กองพลพัฒนาที่ 1 สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเพชรบุรี อำเภอชะอำ โรงเรียนบ้านดอนขุนห้วย บริษัทไอริสซ่า (irisza) จำกัด บริษัทปราณพรหม จำกัด
งานช่างลายรดน้ำ
งาน ช่างลายรดน้ำ เป็นงานประณีตศิลป์ด้านตกแต่ง อย่างหนึ่งซึ่งมีรูปแบบ และการทำสืบเนื่องกันมาแต่โบราณ จัด เป็นงานช่างศิลป์ ประเภทหนึ่งซึ่งรวมอยู่ในช่างรักอันเป็นช่างหมู่ หนึ่งในบรรดาช่างหลวง หรือช่างประจำราชสำนักซึ่งเรียกกันว่า “ช่างสิบหมู่” ลายรดน้ำ หมายถึง การเขียนลวดลาย หรือรูปภาพให้ ปรากฏเป็นลายทองด้วยวิธีปิดทองแล้วเอาน้ำรด จัดเป็นงาน ประณีตศิลป์ที่มีความสำคัญมาก สำหรับตกแต่งสิ่งของ เครื่องใช้ และเครื่องประดับของขาวบ้านธรรมดา เครื่องใช้ในพระพุทธ ศาสนา ตลอดไปจนถึงในส่วนที่เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ โดยใช้ ตกแต่งตั้งแต่สิ่งของที่มีขนาดเล็กขึ้นไปจนถึงประดับตกแต่งผนัง ห้องที่มีขนาดใหญ่ อันหมายถึงตกแต่งตั้งแต่เนื้อที่ไม่กี่ตารางนิ้ว ไปจนถึงเนื้อที่หลายร้อยตารางฟุตให้วิจิตรงดงาม สรุปโดยย่อลาย รดน้ำก็คือลายทองที่ล้างด้วยน้ำ
การเขียนลวดลายหรือรูปภาพ ประเภทลายรดน้ำนี้ คงจะมีมาแต่ครั้งกรุงสุโขทัยเป็นราชธานีในสมัย นั้นได้มีการติดต่อค้าขายกับจีน และโดยเหตุที่ชาวจีนเป็นชาติแรกที่รู้จักการใช้รู้ก่อนชาติอื่น จึงทำให้เชื่อได้ว่าไทย เราคงได้รับการถ่ายทอดถึงวิธีการต่างๆ ในการใช้รักรวมไปถึงกรรมวิธีในการทำลายรดน้ำ มาแต่ครั้งสุโขทัยนั้นเอง งาน ประเภทลายรดน้ำนี้ คงแพร่หลายและเป็นที่นิยมเรื่อยมาจนถึงสมัยอยุธยา และต่อมาจนถึงสมัย รัตนโกสินทร์ ดังปรากฏศิลปะโบราณวัตถุที่ตกทอดมาได้แก่ ตู้พระธรรม เครื่องใช้สอย เครื่องครุภัณฑ์ ได้แก่ หีบต่างๆ ไม้ประกับหน้าคัมภีร์ พานแว่นฟ้า โตก ตะลุ่ม ฝา บานตู้ ฉากลับแล ฝาผนัง บานประตูหน้าต่าง เป็นต้น จะเห็นได้ว่างานช่างลายรดน้ำของไทยนั้นมีคุณค่าทางด้านศิลปะอันมีลักษณะโดย เฉพาะ และเป็นแบบอย่างของ ศิลปะไทยมาแต่โบราณ แม้ว่างานส่วนใหญ่จะเน้นหนักไปในด้านที่เกี่ยวกับศาสนา และพระมหากษัตริย์ ก็ยังมีอีก ไม่น้อยที่เกิดจากชาวบ้านธรรมดา เพื่อใช้เป็นเครื่องประดับตกแต่งบ้านเรือน และเป็นที่เชิดหน้าชูตาแห่งตน
ลักษณะพิเศษของลายรดน้ำ
ลักษณะ พิเศษของลายรดน้ำ คือ มีกรรมวิธีในการ เขียนผิดแผกแตกต่างไปจากงานจิตรกรรมทั่วไป ที่ใช้สีหลายสี หรือแม้แต่งานจิตรกรรมประเภทเอกรงค์เองก็ตาม ที่เป็นเช่นนี้ เพราะการเขียนลายรดน้ำ ใช้น้ำยาหรดาลเขียนบนพื้นซึ่งทาด้วย ยางที่ได้จากต้นรัก เมื่อเขียนเสร็จแล้วจึงเช็ดรัก ปิดทองแล้วเอา น้ำรดน้ำยาหรดาลที่เขียน เมื่อถูกน้ำก็จะหลุดออก ส่วนที่เป็นลวด ลายทองก็ติดอยู่ ทำให้ลวดลายหรือรูปภาพที่ปรากฏ หลังการรด น้ำเป็นสีทองเพียงสีเดียว บนพื้นสีดำหรือสีแดง
นอก จากกรรมวิธี การเขียนที่แตกต่างกันแล้ว กรรมวิธี ในการทำพื้นหรือ เตรียมพื้นก็ยังแตกต่างกันอีก กล่าวคือในการ เขียนลายรดน้ำ ไม่ว่าจะเขียนบนพื้นหรือวัสดุชนิดใดก็ตาม พื้น หรือวัสดุนั้นจะต้องทาด้วยยางรัก ๒ ถึง ๓ ครั้งเสียก่อน จึงจะลง มือเขียนด้วยน้ำยาหรดาล
ส่วน ที่ว่าจะงดงาม หรือมีคุณค่ามากน้อยเพียงใดนั้นอยู่ที่แบบลวดลายที่ถูกต้องสมบูรณ์ มีความ ประสานกลมกลืนกัน อันเป็นลักษณะพิเศษโดยเฉพาะของศิลปะไทย องค์ประกอบของภาพโดยทั่วไป ความหรูหรา ตลอดจนความสวยงามของลวดลายจะอยู่ที่ภาพแสดงความเป็นอยู่ของสัตว์ ปะปนอยู่ทั่วไปในระหว่างพืชพันธุ์ไม้ ภาพสัตว์เล็กๆ ซึ่งมักเขียนให้มีลักษณะเป็นจริงตามธรรมชาติมากกว่าภาพสัตว์ใหญ่ สิ่งที่สำคัญอยู่ที่ชีวิตของ สัตว์แต่ละตัว จะต้องให้ความรู้สึกเป็นจริงตามสภาพของสัตว์เมืองร้อน อันมีชีวิตเกี่ยวข้องอยู่กับพันธุ์พฤกษชาติ ต่างๆ ที่มีอยู่ทั่วไป ช่างผู้เขียน หรือศิลปินจะต้องมีความรู้ความเข้าใจอย่างดี จึงจะสามารถถ่ายทอดลักษณะ พิเศษโดยเฉพาะของสัตว์นั้นๆ ออกมาได้โดยให้ความรู้สึกที่เป็นธรรมชาติจริงๆ นอก จากจะมีความประสานกลมกลืนกันเป็นอย่างดีแล้ว ยังจะต้องมีความถ่วงกันอย่างพอเหมาะพอดี ของน้ำหนักอันเกิดจากความอ่อน และแก่ภายในภาพนั้นๆ ด้วยน้ำหนักอ่อนแก่ดังกล่าวเกิดจากสีดำของรัก และ ความสว่างของทองคำเปลว ถ้าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมีมากจนข่มอีกฝ่ายหนึ่ง ก็จะเกิดความขัดแย้งไม่ประสานกันขึ้น ทำให้ความสวยงามของภาพลดน้อยลง
ลักษณะ พิเศษที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งถือเป็นหัวใจของการสร้างงานประเภทลายรดน้ำที่ขาดเสีย มิได้ก็คือ ตัวช่างหรือศิลปินจะต้องทำงานด้วยใจที่รัก มีความสามารถทำงานด้วยความประณีต บรรจงละเอียดรอบ คอบ ประกอบกับมีทักษะในด้านฝีมือเป็นสำคัญ รวมทั้งต้องมีความรู้ในเรื่องที่เกี่ยวกับลวดลายตลอดจนแม่บท ต่างๆ ของลายไทยเป็นอย่างดี ซึ่งสิ่งต่างๆ ดังที่ได้กล่าวมานี้ คือ องค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ช่างหรือศิลปิน สามารถปฏิบัติงานได้อย่างได้ผล และมีประสิทธิภาพ
งานลงรักปิดทองประดับกระจก
งานลงรักปิดทอง เริ่มสมัยทวาราวดีพบว่ามีการเอาทองมาทำเครื่องทรง เครื่องประดับซึ่งพบหลักฐานที่ถ้ำเขางู จังหวัดเพชรบุรีเป็นพระพุทธรูปสมัยทวาราวดี จะเห็นรอยปิดทองที่พระองค์และที่ฐานชุกชี ส่วนสมัยสุโขทัยนั้นมีหลักฐานมีการปิดทองบนลวดลายสลักไม้ ซึ่งมีอยู่ที่ เจดีย์ พระพุทธรูป ซุ้มพระปรางค์ งานปิดทองและงานประดับกระจก สังกัดอยู่ในส่วนของงานช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร งานปิดทองเป็นที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง จัดเป็นช่างศิลป์ประเภทหนึ่งซึ่งรวมอยู่ในหมู่ช่างรัก ประกอบด้วย ช่างลงรัก ช่างปิดทอง ช่างประดับกระจก และช่างมุก โดยได้รับอิทธิพลมาจากและแบบอย่างมาจากประเทศอินเดีย ซึ่งนิยมประดับกระจกสีชิ้นเล็กๆ ลงบนเสื้อผ้าอาภรณ์ หลักฐานที่เด่นชัด คือสมัยอยุธยานิยมประดับกระจกเป็นของสวยงามประกอบงานที่ประณีตศิลป์ต่างๆและ สืบเนื่องมาถึงปัจจุบัน
งานลงลักปิดทองประดับกระจก งานลงลักประดับกระจก เป็นงานที่ต้องทำตามหลังหรือเป็นงานประกอบขั้นสุดท้ายต่อจากงาน ปั้น งานแกะ สลัก หรือตกแต่งส่วนประกอบของสถาปัตยกรรมของไทย เนื่องจากกระจกเป็นวัสดุทนแดดทนฝน เป็นส่วนสำคัญในการตกแต่งประดับประดาเพื่อเพิ่มความสวยงามให้ชิ้นงานดูสดสวย ด้วยสีสันของลวดลายของกระจกที่ช่างได้ประจงตกแต่งขึ้น ซึ่งต้องใช้เวลาฝึกฝนให้เกิดความชำนาญ ผนวกกับความคิดสร้างสรรค์ที่สามารถออกแบบลวดลายให้ประสานสัมพันธ์ซึ่งเกิด จากความงามของสีผิวกระจกเอง และประกายแสงที่เปล่งออกมาคล้ายอัญมณี เมื่อได้รับแสงสว่างส่องกระทบ เช่น ช่อฟ้า ใบระกา คูหา หางหงส์ หน้าบัน ฐานพระ ธรรมาสน์ เพื่อความสวยงามประการหนึ่งและอีกประการหนึ่ง เพื่อเป็นการรักษาเนื้อไม้ โดยคุณสมบัติของยางรักที่ช่างจะต้องลงรักถึงสามครั้งก่อนที่จะปิดทอง และประดับกระจก ในอดีตการปิดทองร่วมกับการประดับประจก เรียกว่า ปิดทองล่องกระจก ซึ่งเป็นการพัฒนางานศิลปกรรม ซึ่งเดิมมีคำว่า ล่องชาด คือ ลงชาด หมายถึง การทาชาดลงระหว่างสิ่งที่ทาทองแล้ว และคำว่า ปิดทองล่องชาด คือ ศิลปกรรมที่นำทองมาปิดที่ลาย ซึ่งพื้นทาด้วยชาด ดังนั้น ปิดทองล่องกระจก คือ ปิดกระจกที่ปูนหรือไม้ส่วนล่องปิดทองแทนการทาชาด
งานประดับกระจกในจังหวัดเพชรบุรีสามารถเห็นได้ทั่วไป โดยเฉพาะฐานพระประธานในอุโบสถบางวัด เช่น พระวิหารหลวงวัดมหาธาตุวรวิหาร ฐานพระประธานในอุโบสถวัดใหญ่สุวรรณารามวรวิหาร หรือตามหน้าบันอุโบสถ ช่อฟ้า ใบระกา ธรรมาสน์ คันทวย และฐานชุกชีพระพุทธรูป เป็นต้น ข้อสังเกต การประดับกระจกในที่สูง เช่น ช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ มักไม่ต้องคำนึงถึงความประณีตมากนัก เพียงแต่ประดับให้เรียบร้อยเต็มพื้นที่ เพราะเมื่อติดตั้งในที่สูงจะมองเป็นเนื้อเดียวกันไม่เห็นรอยต่อเชื่อม หรือรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ถ้าเป็นงานที่อยู่ในระดับสายตา ช่างจะต้องใช้ความประณีตในการประดับกระจกเป็นอย่างมาก