• มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี
จันทร์ - ศุกร์ 8:30 - 16:30 น.
สถาบันวิจัยและส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี
  • หน้าแรก
  • เกี่ยวกับ
    • ประวัติความเป็นมา
    • วิสัยทัศน์ / พันธกิจ / เอกลักษณ์ / อัตลักษณ์
    • โครงสร้างสถาบันวิจัยฯ
    • ผู้บริหารสถาบันวิจัยฯ
    • บุคลากรสถาบันวิจัยฯ
  • ข่าวสาร
    • ข่าวประชาสัมพันธ์
    • ข่าวงานวิจัยและพัฒนานวัตกรรม
    • ข่าวงานพัฒนาท้องถิ่นและบริการวิชาการ
    • ข่าวงานส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม
  • ส่วนงาน
    • งานบริหารทั่วไป
    • งานวิจัยและพัฒนานวัตกรรม
    • งานมาตรฐานการวิจัย
    • งานพัฒนาท้องถิ่นและบริการวิชาการ
    • งานส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม
  • เอกสาร และข้อมูลอื่น ๆ
    • ระเบียบ / ประกาศ / คำสั่ง
      • สถาบันวิจัยฯ
      • งานวิจัยและพัฒนานวัตกรรม
      • งานพัฒนาท้องถิ่นและบริการวิชาการ
      • งานส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม
    • แผนและรายงานของสถาบันวิจัยฯ
    • คู่มือ/มาตรฐานการปฏิบัติงาน
      • งานบริหารงานทั่วไป
      • งานวิจัยและพัฒนานวัตกรรม
      • งานพัฒนาท้องถิ่นและบริการวิชาการ
      • งานส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม
    • เอกสารดาวน์โหลด
    • เอกสารเผยแพร่
    • ฐานข้อมูล
      • ฐานข้อมูลงานส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม
      • ฐานข้อมูลงานพัฒนาท้องถิ่นและบริการวิชาการ
    • การให้บริการ
      • Walk-in
      • E-Service
        • ระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์และจัดเก็บเอกสารมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี
        • ระบบบริหารจัดการงานวิจัยมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี
        • ระบบขอจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี
        • ระบบรายงานผลโครงการยุทธศาสตร์การพัฒนาท้องถิ่น
      • สถิติการให้บริการของสถาบันวิจัยและส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม
  • ติดต่อเรา
    • หน่วยงานต่าง ๆ ภายในมหาวิทยาลัย
ฐานข้อมูลงานส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม

งานแกะสลักไม้

by วันณพงค์ 11 มีนาคม 2022
written by วันณพงค์

งานแกะสลักไม้ ถือว่าเป็นงานศิลปกรรมที่เก่าแก่ประเภทหนึ่ง สำหรับการแกะสลักไม้ในประเทศไทยนั้นแต่เดิมส่วนมากจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับ ศาสนาทั้งสิ้นได้แก่งานแกะสลักไม้ประกอบโบสถ์์ วิหาร ศาลาวัด หอพระไตรปิฎก ตู้พระไตรปิฎก พระเจดีย์ ฯลฯ ซึ่งมีการสรรค์สร้างอย่างสวยงามและปราณีตบรรจง ปรากฏอยู่ทุกยุคทุกสมัย ในภูมิภาคต่างๆของประเทศไทยมีช่างแกะสลักที่มีฝีมือได้สร้าง สรรค์ผลงานขึ้น มาเป็นจำนวนมาก ช่างแกะสลักไม้ สามารถสืบทอด ศิลป วัฒนธรรม ที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ และภูมิปัญญาท้องถิ่น ของแต่ละชุมชนลงบนแผ่นไม้ อาทิ เช่น ศิลปะไม้แกะสลักของล้านนา เป็นงานศิลปที่เก่าแก่ มีเอกลักษณ์และมีคุณค่า ควรแก่การภาคภูมิใจสำหรับชาวล้านนาเอง งานแกะสลักไม้ จึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของ วัฒนธรรมล้านนาที่สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อ ค่านิยม ประเพณี การทำมาหากิน ตลอดจนวิถีชีวิตของชาวล้านนา ที่ผูกพันอยู่กับธรรมชาติ ทุ่งนา ป่าไม้ ซึ่งจะพบเห็นกันได้ทั่วไปในปัจจุบันในสถานที่สำคัญทางศาสนา บ้านเรือนที่อยู่อาศัยหรือเครื่องใช้สอยในชีวิตประจำวัน ตลอดจน การอนุรักษ์ สืบสาน ถ่ายทอด ช่างไทยสิบหมู่ เป็นวัฒนธรรมทางด้าน ศิลปะแขนงหนึ่งในกระบวนช่างไทยได้จำแนกแยกแยะงานช่างได้มากมาย

 ประเภทการแกะสลักไม้

1.การแกะสลักภาพลายเส้น เป็นการเซาะร่องตามลวดลายของเส้นให้มีความหนักเบาเท่ากันตลอดทั้งแผ่น

 2.การแกะสลักภาพนูนต่ำ เป็นการแกะสลักภาพให้นูนขึ้นสูงจากพื้นแผ่นของไม้เพียงเล็กน้อยไม่แบนราบเหมือนภาพลายเส้น

 3.การแกะสลักภาพนูนสูง เป็นการแกะสลักภาพให้ลอยสูงขึ้นมาเกือบสมบูรณ์เต็มตัว ความละเอียดของภาพมีมากกว่าภาพนูนต่ำ

4.การแกะสลักภาพลอยตัว เป็นการแกะสลักไม้ให้มีลักษณะเป็น 3 มิติ มองเห็นได้รอบด้าน

ขั้นตอนและวิธีการแกะสลักไม้

 1. กำหนดรูปแบบและลวดลาย ออกแบบหรือกำหนดรูปแบบและลวดลายนับเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญในการออกแบบ สำหรับงานแกะสลักต้องรู้จักหลักในการออกแบบ และต้องรู้จักลักษณะของไม้ที่จะนำมาใช้แกะสลัก เช่น ทางไม้หรือเสี้ยนไม้ที่สวนกลับไปกลับมา สิ่งเหล่านี้ช่างแกะสลักจะต้องศึกษาหาความรู้และแบบงานแกะสลักต้องเป็นแบบ ที่เท่าจริง

2. การถ่ายแบบลวดลายลงบนพื้นไม้ นำแบบที่ออกแบบไว้มาผนึกลงบนไม้ หรือนำมาตอกสลักกระดาษแข็งต้นแบบให้โปร่ง เอาลวดลายไว้และนำมาวางทาบบนพื้นหน้าไม้ที่ทาด้วยน้ำกาว หรือน้ำแป้งเปียกไว้แล้วทำการตบด้วยลูกประคบดินสอพองหรือฝุ่นขาวให้ทั่ว แล้วนำกระดาษต้นแบบออก จะปรากฏลวดลายที่พื้นผิวหน้าไม้

3. การโกลนหุ่นขึ้นรูป คือการตัดทอนเนื้อไม้ด้วยเครื่องมือช่างไม้บ้างเครื่องมือช่างแกะสลักบ้าง แล้วแกะเนื้อไม้เอาส่วนที่ไม่ต้องการออกให้ไม้นั้นมีลักษณะรูปร่างที่ใกล้ เคียงกับแบบเพื่อให้เกิดรูปทรงตามต้องการ มีความชัดเจนตามลำดับเพื่อจะนำไปแกะสลักลวดลายในขั้นต่อไป การโกลนภาพ เช่นการแกะภาพลอยตัว เช่น หัวนาคมงกุฎ หรือแกะครุฑและภาพสัตว์ต่าง ๆ ช่างจะต้องโกลนหุ่นให้ใกล้เคียงกับตัวภาพ

4. การแกะสลักลวดลาย คือการใช้สิ่วที่มีความคม มีขนาดและหน้าของสิ่วต่าง ๆ เช่น สิ่วหน้าตรง หน้าโค้ง และฆ้อนไม้ เป็นเครื่องมือในการแกะสลัก เพื่อทำให้เกิดลวดลายซึ่งต้องใช้ฆ้อนไม้ในการตอกและใช้สิ่วทำการขุด การปาดและการแกะลวดลายทำให้เกิดความงามตามรูปแบบที่ต้องการ

การขุดพื้น คือการตอกสิ่วเดินเส้น โดยใช้สิ่วที่พอดีกับเส้นรอบนอกของตัวลาย เพื่อเป็นการคัดโคมของลวดลายส่วนใหญ่ทั้งหมดก่อนโดยใช้ฆ้อนตอก เวลาตอกก็ควบคุมน้ำหนักให้เหมาะสม สม่ำเสมอเพื่อคมสิ่วจะได้จมลึกในระยะที่เท่ากันแล้วจึงทำการใช้สิ่วหน้าตรง ขุดพื้นที่ไม่ใช่ตัวลายออกให้หมดเสียก่อน ขุดชั้นแรกขุดตื้น ๆ ก่อน ถ้าพื้นยังไม่ลึกพอก็ตอกซ้ำอีกแล้วจึงขุดต่อไปเพื่อให้ได้ช่องไฟที่โปร่งถ้า ต้องการนำลวดลายแกะสลักนั้นไปประดับในที่สูงก็ต้องขุดพื้นให้ลึกพอประมาณ เพราะมองไกล ๆ จะได้เห็น การแกะยกขึ้น หลังจากที่ทำการขุดพื้นแล้วก็แกะยกชั้น จัดตัวลายที่ซ้อนชั้นกันเพื่อให้เห็นโคมลายชัดเจน ซึ่งก้าวก่ายกันในเชิงของการผูกลายเพื่อปรับระดับความสูงต่ำของแต่ละชั้นมี ระยะ 1 – 2 – 3 การแกะแรลาย เริ่มจากการตอกสิ่วเดินเส้นภายในส่วนละเอียดของลวดลายแล้ว ก็จะใช้สิ่วเล็บมือทำการปาดแกะแรลายเก็บแต่งส่วนละเอียด

ข้อสังเกตในการปาดแรตัวลาย เวลาปาด หรือแกะแรตัวลาย ช่างจำเป็นต้องดูทางของเนื้อไม้หรือเสี้ยนเมื่อเวลาใช้สิ่วก็ต้องปาดไปตาม ทางของเนื้อไม้ คือไม่ย้อนเสี้ยนไม้หรือสวนทางเดินของเนื้อไม้ เพราะจะทำให้ไม้นั้นหลุดและบิ่นได้ง่าย การปาดแต่งแรลาย คือการตั้งสิ่วเพล่เอียงข้างหนึ่ง ฉากข้างหนึ่ง แล้ว ปาดเนื้อไม้ออกจะเกิดความสูงต่ำไม่เสมอกัน เพื่อทำให้เกิดแสงเงาในตัวลายและมองเห็นให้ชัดเจนตามรูปแบบที่ต้องการ

 การปาดลายสามารถทำได้ 3 วิธี คือ

 – ปาดแบบช้อนลาย

– ปาดแบบพนมเส้น คือพนมเส้นตรงกลาง

– ปาดแบบลบหลังลาย (ลบเม็ดแตง)

เครื่องมือที่ใช้ในการแกะสลัก

– ไม้ ไม้ที่นิยมนำมาใช้ในงานแกะสลัก ได้แก่ ไม้สัก เป็นไม้ที่ไม่แข็งเกินไป มีลายไม้สวยงาม สามารถแกะลายต่างๆได้ง่าย หดตัวน้อย ทนนานต่อสภาพดินฟ้าอากาศและปลอดภัยจากปลวก มอดและแมลง ไม้ที่นิยมรองลงมาคือ ไม้โมก ไม้สน ที่สำคัญคือ ไม้ที่นำมาทำการแกะสลักจะ ต้องไม่มีตำหนิ เพราะจะทำให้งานชิ้นนั้นขาดความสวยงาม ค้อนไม้ เป็นค้อนที่มีลักษณะคล้ายตะลุมพุกเล็กๆ ทำจากไม้เนื้อแข็งเช่น ไม้แดง ไม้ชิงชัน

– ค้อนไม้จะเบา และไม่กินแรงเวลาใช้งานและช่วยรักษาด้ามสิ่วให้ใช้งานได้นานอีกด้วย

– สิ่ว เป็นเครื่องมือที่สำคัญที่สุดในการแกะสลักมีหลายชนิดได้แก่ สิ่วขุด สิ่วฉาก สิ่วขมวด สิ่วเล็บมือ สิ่วทำ จากเหล็กกล้าที่แข็งและเหนียว ที่สำคัญคือจะต้องลับให้คมอยู่เสมอ

– มีด เป็นมีดเล็กๆ ปลายแหลม ใช้แกะลายเล็กๆ หรือแกะร่อง

– เลื่อย ใช้ในการเลื่อยไม้ส่วนที่ไม่ต้องการออกไป เพื่อขึ้นรูปหรือขึ้นโครงของงาน

– บุ้งหรือตะไบ ใช้ถูตกแต่งชิ้นงานในขั้นตอนหลังจากแกะสลักแล้ว

-กระดาษทราย ใช้ขัดตกแต่งชิ้นงานหลังจากแกะสลักแล้ว

 – กบไสไม้ ใช้ไสไม้ให้เรียบก่อนลงมือแกะหรือตกแต่งอื่นๆภายหลัง

– สว่าน ใช้เจาะรูไม้เพื่อแกะหรือฉลุไม้

 – แท่นยึดหรือปากากาจับไม้ ใช้ยึดจับไม้

– เครื่องมือประกอบอื่นๆ ได้แก่ ไม้บรรทัด ดินสอ กระดาษลอกลาย กระดาษแข็งทำแบบ

 – วัสดุตกแต่ง ได้แก่ ดินสอพอง แลกเกอร์ แชลแลก น้ำมันลินสีด ทินเนอร์ หรือสีทาไม้

11 มีนาคม 2022 0 comment
5 FacebookTwitterLINEEmail
ฐานข้อมูลงานส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม

สกุลช่างเพชรบุรี

by วันณพงค์ 11 มีนาคม 2022
written by วันณพงค์

เพชรบุรี เป็นเมืองแห่งช่างศิลป์ที่สืบทอดกันมาช้านาน มีรูปแบบเอกลักษณ์เฉพาะตัว เป็น “สกุลช่างเมืองเพชร” ที่สร้างสรรค์ผลงานไว้มากมาย รวมทั้งมีส่วนร่วมกับงานพระราชพิธีสำคัญๆ ของประเทศมา ตลอดงานสกุลช่างเมืองเพชรที่มีมาแต่โบราณและยังคงอยู่ในปัจจุบัน ประกอบด้วย

งานปูนปั้น ตามรูปแบบของช่างเพชรบุรี นิยมทำร่วมกับการลงรักปิดทองและประดับกระจก ดูแล้วมีความแข็งแรง ทนทาน ไม่หดตัวมีลายเด่นช่วยเสริมให้งานประกอบปูนปั้นเด่นยิ่งขึ้น ส่วนใหญ่เป็นงานที่เกี่ยวเนื่องในพุทธศาสนา ทำให้เกิดช่างปูนปั้นขึ้นตามวัดต่างๆ

งานลายรดน้ำ รวมอยู่ในหมู่ช่างรักอันเป็นช่างหนึ่งในงานช่างสิบหมู่ ตกแต่งเครื่องใช้ เครื่องประดับ โดยการเขียนลวดลายและรูปภาพด้วยวิธีการปิดทองรดน้ำงานที่นิยมใช้ลายรดน้ำ ได้แก่ ตู้พระไตรปิฎก ตู้พระธรรม บานประตูหน้าต่าง

งานลงรักปิดทองประดับกระจก พบเห็นได้ทั่วไปทั้งที่ถ้ำเขางู เพชรบุรี และฐานพระประธานในอุโบสถบางวัด เช่น พระวิหารหลวงวัดมหาธาตุวรวิหาร ฐานพระประธานในอุโบสถวัดใหญ่สุวรรณารามวรวิหาร รวมทั้งตามหน้าบันอุโบสถ ช่อฟ้า ใบระกา ธรรมาสน์ คันทวย และฐานชุกชีพระพุทธรูปวัดต่างๆ

งานจิตรกรรม ส่วนใหญ่เป็นจิตรกรรมฝาผนังที่ต่อเนื่องมาจากสมัยอยุธยาตอนปลายและรัตน โกสินทร์ตอนต้น ปรากฏอยู่ตามอุโบสถเกือบทุกวัด เช่น วัดมหาสมณารามราชวรวิหาร ฝีมือขรัวอินโข่ง เป็นต้น

งานช่างทอง ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มช่างทองรูปพรรณ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทั้งสร้อยคอ สร้อยข้อมือ แหวน ตุ้มหู

งานแทงหยวก เป็น ศิลปะการแทงหยวกชั้นแนวหน้าของประเทศ เพราะคนเพชรบุรีนิยมสร้างเมรุลอยสำหรับใช้เผาศพ ซึ่งมีธรรมเนียมแตกต่างไปจากที่อื่น โดยเฉพาะการตั้งเมรุที่คล้ายพิธีหลวง 7.งานตอกกระดาษ เป็นลวดลายมีทั้งลายไทย รูปสัตว์ในวรรณคดี สิบสองนักษัตร หรือลายประดิษฐ์อย่างอื่นตามต้องการ ใช้สำหรับประดับหรือตกแต่งสถานที่หรือเครื่องมือเครื่องใช้ งานตอกกระดาษสามารถพบเห็นได้เฉพาะงานศพหรืองานบุญเท่านั้น

งานจำหลักหนังใหญ่ เป็นการฉลุลายบนหนังวัวหรือหนังควายที่ขูดขนหรือฟอกหนังตากแห้งดีแล้วให้ เป็นรูปตัวละครในวรรณคดี หนังใหญ่เมืองเพชรมีชื่อเสียงโด่งดังในสมัยรัชกาลที่ 5 แต่ปัจจุบันตัวหนังใหญ่เหลือเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์หนังใหญ่วัดพลับพลา ชัยเพียงไม่กี่ตัว

งานแกะสลักไม้ มักสลักลวดลายประดับอาคาร เช่น ลวดลายหน้าบัน คันทวย ช่อฟ้า ใบระกา บานประตู ธรรมาสน์ งานแกะสลักไม้ที่ขึ้นชื่อที่สุดคืองานแกะสลักไม้ประตูศาลาการเปรียญวัดใหญ่ สุวรรณารามวรวิหาร ฝีมือช่างสมัยกรุงศรีอยุธยา

งานปั้นหัวโขน หัวละคร ส่วนใหญ่จะเป็นหัวละครที่เป็นตัวเอกในวรรณคดีต่างๆ งานปั้นหัวสัตว์ นำ เอาส่วนที่เป็นเขาของวัว ควาย เก้ง หรือกวางที่เสียชีวิตแล้วมาติดเข้ากับหัวที่ปั้นขึ้น ประดับฝาผนังวัด บ้านเรือน หรือทำขึ้นเพื่อระลึกถึง หรือแสดงความผูกพันที่มีต่อสัตว์เลี้ยง พบเห็นได้ทั่วไปเกือบทุกวัดในเพชรบุรี ปัจจุบันมีการประยุกต์งานปั้นหัวสัตว์เป็นปั้นสัตว์ทั้งตัวเสมือนจริงแต่ไม่กี่วันที่ผ่านมามีการปลุกระดมคนไปทุบทำลายงานฝีมือปูนปั้นที่ฐานชุกชีถึงในวัด

11 มีนาคม 2022 0 comment
5 FacebookTwitterLINEEmail
ฐานข้อมูลงานส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม

งานปั้นหัวโขน หัวละคร

by วันณพงค์ 11 มีนาคม 2022
written by วันณพงค์

ประวัติความเป็นมา การสร้างหัวโขนของไทยมีมาแต่โบราณ สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นพบหลักฐานศีรษะพระครูในคลังศิลปสมเด็จเจ้าฟ้ากรม พระยานริศรานุวัตติวงศ์ และศีรษะทศกัณฐ์ขององค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ซึ่งสันนิษฐานว่าสร้างในสมัยรัชกาลที่ 1 และ 2 แต่การสร้างหัวโขนมาเจริญถึงขีดสูงสุดในสมัยรัชกาลที่ 6 ซึ่งถือเป็นยุคทองของวงวรรณกรรมและนาฏศิลป์ไทย หัวโขนนับเป็นงานศิลปะขั้นสูงที่รวมเอาผู้ที่มีความรู้ ความชำนาญในเชิงช่างหลายสาขาเข้าไว้ด้วยกัน อาทิ ช่างหุ่น ช่างปั้น ช่างแกะสลัก ช่างกลึง ช่างรัก และช่างเขียน แต่ในทางปฏิบัติกว่าจะได้มาซึ่งหัวโขนที่ถูกต้องและสวยงามนั้นต้องอาศัย เทคนิคและองค์ประกอบอื่น ๆ อีกมากมาย ปัจจุบันหัวโขนมิได้เป็นเพียงส่วนประกอบสำคัญในการแสดงโขนเท่านั้น หากแต่หัวโขนได้กลายเป็นสัญลักษณ์ทางศิลปวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของไทยไปแล้ว ดังจะเห็นได้จากหัวโขนได้ถูกย่อส่วนลงเพื่อจัดแสดง ประดับประดาในสถานที่ต่าง ๆ เช่น ตามโรงแรม ห้องนิทรรศการ ห้องแสดงสินค้าหัตถกรรมไทย เป็นต้น เป็นการเสริมสร้างบรรยากาศให้มีเสน่ห์อย่างล้ำลึก และมีเอกลักษณ์อันโดดเด่น นอกจากนี้หัวโขนยังได้กลายเป็นของสะสมสำหรับผู้มีรสนิยมทางศิลปะอันละเมียด ละไมอีกด้วย

กระบวนการขั้นตอนการผลิต การทำหัวโขนนับได้ว่าเป็นศิลปะที่ต้องใช้ฝีมือการทำจากศิลปะหลายแขนงมารวม เป็นจุดเดียวกัน สิ่งแรกที่ควรระลึกถึงนั่นคือความตั้งใจจริงในการทำงานเมื่อตั้งใจแล้วจะ ต้องศึกษาหาประสบการณ์จากด้านต่าง ๆ อันจะเป็นส่วนประกอบในการสร้างผลงานให้ได้ส่วนสัดและแบบแผนที่ถูกต้อง สมบูรณ์ การทำหัวโขนมีขั้นตอนต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

1) การปั้นหุ่น หุ่นในที่นี้ หมายถึง รูปแบบ หรือลักษณะของหัวโขน ได้แก่ หุ่นพระ-นาง หุ่นยักษ์โล้น หุ่นยักษ์ยอด หุ่นลิงโล้น หุ่นลิงยอด และหุ่นพิเศษ ในการปั้นหุ่นขั้นแรกจะต้องเตรียมดินก่อน เพราะการปั้นดินง่ายกว่าการทำหุ่นปูนปลาสเตอร์ ดินที่ใช้ปั้นเป็นดินเหนียวต้องนวดดินเหนียวให้ได้ที่แล้วนำมาวางบนแป้น กระดาน ปั้นเป็นรูปหุ่นแบบต่าง ๆ ตามต้องการ ทั้งนี้ต้องเข้าใจลวดลายและลักษณะหน้าตาของหัวโขนที่ทำเพื่อสร้างหุ่นให้ได้ แบบเป็นกลางและสามารถนำไปประยุกต์เป็นแบบต่าง ๆ ได้ในโอกาสต่อไป เมื่อปั้นดินเป็นหุ่นเรียบร้อยแล้วจึงกลับหุ่นดินเป็นหุ่นปูนปลาสเตอร์เพื่อ จะได้เป็นหุ่นที่ถาวร การกลับหุ่นนี้อาศัยหลักการทำหุ่นปูนปลาสเตอร์นั่นเอง

2) การพอกหุ่น และผ่าหุ่น เมื่อปั้นหุ่นได้เรียบร้อยตามความต้องการแล้ว เอาแป้งเปียกละเลงบนกระดาษสา (แต่เดิมนั้นใช้กระดาษข่อยแต่ในปัจจุบันไม่สามารถหากระดาษข่อยได้แล้วจึงใช้ กระดาษสาแทน) ซึ่งฉีกเป็นชิ้นเล็ก ๆ ปิดลงให้รอบหุ่น การปิดกระดาษจะกำหนดกี่ชั้นก็ได้ให้หนาพอสมควรที่หุ่นจะทรงตัวอยู่ได้ โดยจะต้องปิดกระดาษเป็นชั้น ๆ แต่ละชั้นเท่า ๆ กัน เมื่อเรียบร้อยแล้วนำไปผึ่งแดดให้แห้งซึ่งใช้เวลาประมาณ 3 วัน เมื่อหุ่นแห้งแล้วนำมากวด หรือรีดเพื่อให้เรียบ แล้วใช้มีดผ่าด้านหลังของหุ่นทั้งนี้เพื่อให้หุ่นออกมาในรูปที่เรียบร้อย เมื่อเอากระดาษออกมาจากหุ่นแล้วใช้ลวดขนาดเล็กเย็บส่วนที่ผ่าเป็นระยะ ปิดกระดาษทับรอยลวดซึ่งเกิดจากการเย็บให้เรียบร้อยทั้งด้านในและด้านนอก ถึงขั้นนี้จะได้หุ่นกระดาษซึ่งเรียกกันว่า กะโหลก ใช้มีดคม ๆ เฉือน ตกแต่งกะโหลกให้เรียบร้อย ปิดกระดาษทับอีกครั้งหนึ่งจะได้หุ่นกระดาษที่สมบูรณ์พร้อมที่จะปั้นหน้าต่าง ๆ ได้

3) การแต่งหน้าหุ่น ติดลวดลาย และทำเครื่องประกอบ หุ่นกระดาษที่ได้ออกมาแล้วจำเป็นจะต้องตกแต่งให้สัดส่วนต่าง ๆ บนใบหน้านูนเด่นขึ้น โดยใช้รักปั้นทับตามรูปหน้า คิ้ว ตา ริมฝีปาก จมูก ไพรปาก แล้วปิดกระดาษสาทับ ส่วนใดที่ไม่เรียบใช้มีดตกแต่งและขัดด้วยกระดาษทรายให้เรียบร้อย จะได้หุ่นที่คมชัดเพื่อทำการติดลวดลาย ลวดลายเป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่ทำให้หน้าโขนนั้น ๆ มองดูมีชีวิตชีวา การติดลวดลายเริ่มจากการใช้รักกระแหนะลายออกจากพิมพ์หินสบู่ที่แกะไว้จนได้ เป็นลายเส้นและลายกระจัง นำลายรักมาติดบนกะโหลกให้ครบ ซึ่งต้องใช้รักเทือก (ยางรักผสมกับน้ำมันยาง ก่อนใช้จะต้องนำมาให้ความร้อนเพื่อทำให้รักเทือกอ่อนตัว) เป็นตัวเชื่อมให้ลายเหล่านั้นติดแน่นอยู่กับกะโหลก การวางลวดลายจำเป็นต้องศึกษาลักษณะของหัวโขนในแต่ละแบบซึ่งไม่เหมือนกันและ เป็นไปตามแบบแผนโบราณซึ่งอาจดูได้จากภาพรามเกียรติ์ หรือภาพลายเส้นลวดลายหน้าเกี่ยวกับหัวโขน

รักที่ใช้ทำลายนี้เตรียมได้จากขั้นตอนที่พิเศษมาก ทำโดยนำยางรักมาเคี่ยวกับถ่านใบตองแห้ง หรืออาจใช้ถ่านกะลา ถ่านใบตาล หรือถ่านใบจากก็ได้ การเลือกใช้ถ่านนี้ควรเลือกใช้ถ่านที่มีน้ำหนักเบา และการเผาถ่านต้องเผาให้เป็นถ่านดำจริง ๆ ไม่มีเถ้าขาว เมื่อเคี่ยวรักจนได้ที่ซึ่งอาจใช้เวลานานเป็นสัปดาห์ หรือบางครั้งอาจนานเป็นเดือน แล้วนำมาจับเป็นก้อนเพื่อให้สะดวกในการใช้งาน การกระแหนะลายรักเริ่มต้นจากการนำรักมาปิ้งไฟให้อ่อนตัว ทุบและกลึงเป็นท่อน แล้วจึงนำรักมาคลึงลงบนพิมพ์กระแหนะซึ่งแกะจากหินสบู่ เมื่อแกะออกมาจะได้ลวดลายตามที่ต้องการ การกระแหนะลายรักเป็นงานที่ประณีตมากเพราะจะต้องแกะส่วนเล็กส่วนน้อยทีละ ส่วน จึงนำมาประกอบเข้าเป็นวัตถุเดียวกันภายหลัง

สำหรับหน้าโขนที่มีมงกุฎจะต้องเตรียมส่วนยอดไว้ด้วย ยอดของมงกุฎมีหลายชนิด เช่น ยอดชัย ยอดเดินหน ยอดหางไก่ ยอดน้ำเต้า เป็นต้น ยอดเหล่านี้เองเป็นลักษณะเฉพาะตัวของหัวโขน เช่น วิรุญจำบัง เป็นหน้ายักษ์ที่มีมงกุฎยอดหางไก่ หรือแม้แต่หัวโขนหน้าเดียวกันยังอาจใช้ยอดแตกต่างกันไปตามโอกาส เช่น พระรามเมื่ออยู่ในเมืองจะใช้ยอดชัย แต่เมื่อเดินป่าหรือออกนอกเมืองจะใช้ยอดเดินหน ดังนั้นช่างที่ทำหัวโขนจึงจำเป็นจะต้องมีความรู้ในเรื่องดังกล่าวเพื่อให้ทำ หัวโขนออกมาได้อย่างถูกต้อง ยอดของมงกุฎนี้อาจทำจากกระดาษสาหรือกลึงจากไม้ก็ได้ ต่อจากนั้นจึงติดลายรักลงไปบนยอด

การแกะพิมพ์หินหรือพิมพ์กระแหนะเป็นงานที่ต้องอาศัยความสามารถในการสลักเป็น อย่างมากเพราะต้องใช้สิ่วเล็กๆ ค่อย ๆ สกัดหินออกให้เป็นลวดลายต่าง ๆ เช่น การทำกะบัง การทำมงกุฎพระ มงกุฎนาง ชฎาพระ ชฎานาง และอื่นๆ ความยากในการทำหัวโขนอยู่ที่การแกะพิมพ์นี่เองเพราะการทำพิมพ์นี้ขึ้นอยู่ กับวิธีการและฝีมือของช่างแต่ละคน ซึ่งไม่อาจถ่ายทอดกันได้และพิมพ์เช่นนี้ก็ไม่มีขาย จึงมีหัวโขนที่เป็นประณีตศิลป์ปรากฏออกมาไม่มากนัก

เครื่องประกอบที่กล่าวถึงนี้เป็นส่วนของหน้าโขนที่ไม่อาจใช้กระดาษสาหรือรัก ทำได้ เช่น จอนหู ซึ่งต้องใช้หนังวัวเป็นพื้นเพราะมีความแข็งแรง สามารถดัดให้โค้งงอตามความต้องการได้และ ข้อสำคัญหนังวัวที่นำมาทำจอนหูจะต้องฉลุสลักลวดลายให้งดงามตามแบบศิลปะของ การแกะสลัก แต่ก่อนที่จะสลักจะต้องเขียนแบบลงบนกระดาษแล้วปิดกระดาษลงไปบนหนังวัว ต่อจากนั้นจึงลงมือสลักแผ่นหนังวัวตามลวดลายในกระดาษ เสร็จแล้วจึงผนึกหนังที่ฉลุลายให้แข็งแรงโดยใช้ลวดเป็นแกน ขั้นต่อมาคือการนำแผ่นหนังที่ฉลุเป็นรูปจอนหูไปประกอบกับหุ่นกระดาษซึ่งติด ลวดลายไว้พร้อมแล้ว หลังจากนั้นจึงติดลายรักลงบนจอนหูให้เรียบร้อย

นอกจากนี้ยังต้องติดเครื่องประกอบอื่น ๆ ให้แก่หัวโขน คือ ตา ฟัน เขี้ยว และงา ซึ่งทำจากหอยมุกโข่งไฟ เครื่องประกอบเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งที่เป็นลักษณะเฉพาะของหัวโขน เช่น ทศกัณฐ์ต้องมีตาโพลง และเขี้ยวโง้ง หรือหน้าพระพิฆเนศวร์จะต้องมีงา 2 ข้าง โดยที่งาข้างซ้ายจะต้องหัก (ตามบทพากย์โขนในตอน พระพิฆเนศวร์เสียงา)

4) การปิดทองและติดพลอย การปิดทองคำเปลวจะปิดลงบนหัวโขนตรงส่วนที่เป็นลายรัก หรืออาจปิดบริเวณหน้าของหัวโขนในกรณีที่หัวโขนมีหน้าสีทอง เพื่อให้หัวโขนมีความสวยงามและความสุกปลั่งของทองคำเปลว

การติดพลอยจะประดับเฉพาะมงกุฎ หรือกรอบพักตร์ จอนหู และลายท้าย (อยู่ตรงท้ายทอยของหัวโขน) เท่านั้น มิให้ติดส่วนอื่นของหัวโขนที่มิได้เป็นเครื่องประดับเลย แต่เดิมนั้นการประดับหัวโขนจะใช้กระจกเกรียบแต่เนื่องจากปัจจุบันกระจก เกรียบเป็นของหายาก ช่างทำหัวโขนส่วนใหญ่จึงหันมาใช้พลอยแทนกระจกเกรียบ ทั้งนี้เพราะส่วนประกอบต่าง ๆ ต้องผันแปรไปตามสภาพโดยคำนึงถึงประโยชน์ใช้สอย ความคงทนของวัสดุและความงดงามของศิลปะเป็นสำคัญ

5) การลงสี การเขียนลวดลายลายลงบนหัวโขน การลงสีหน้าโขนนั้นเป็นขั้นตอนที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องศึกษาสี ต่าง ๆ ในพงศ์รามเกียรติ์ให้ถ้วนถี่เนื่องจากเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะสีของหน้าโขนแต่ละหน้าไม่เหมือนกัน เช่น พระรามมีหน้าสีเขียวนวล แต่พระลักษณ์จะมีหน้าสีทอง แม้สีเดียวกันยังมีโทนสีที่แตกต่างกันสำหรับหัวโขนที่แตกต่างกัน เช่น พระปรคนธรรพใช้สีเขียวใบแค ส่วนพระรามใช้สีเขียวนวล ดังนั้นการผสมสีให้ถูกส่วนและสีถูกต้องตามพงศ์นั้นเป็นสิ่งที่ควรคำนึงอย่าง ยิ่งอีกประการหนึ่ง

ลักษณะการเขียนลวดลายไทยเป็นส่วนประกอบสำคัญที่สุดในการทำหัวโขนออกมาในรูป ของความประณีตละเอียดอ่อนได้ ฉะนั้นช่างทำหัวโขนจึงต้องศึกษาลวดลายเพื่อฝึกฝนให้ชำนาญโดยเฉพาะ “ลายฮ่อ” จะปรากฏมีอยู่ทุกหน้าของหัวโขน นอกจากนี้แล้วลายไทยในการวาดภาพประเภทลายเส้นมีส่วนทำให้การเขียนดีขึ้น การฝึกฝนฝีมือให้ชำนาญย่อมทำให้การเขียนลวดลายงดงาม หลังจากลงสีหัวโขนเรียบร้อยแล้วจึงเขียนลวดลายต่าง ๆ เช่น เส้นคิ้ว ตา ปาก ไพรปาก เส้นฮ่อ ลงบนหน้าโขน การเขียนลวดลายแต่ละหน้าต้องตกแต่งอย่างละเอียดตามลักษณะของหน้าโขนชนิดนั้น ๆ ความประณีตของลวดลายมีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะส่วนนี้เองทำให้ผู้ชมเกิดความ รู้สึกว่างานนั้นงดงาม หรือ ประณีตเพียงไร

การดูแลรักษา หัวโขนเป็นสิ่งประดิษฐกรรมอันประณีตวิจิตร เป็นสิ่งควรทะนะถนอมและเก็บรักษาให้คงสภาพดีอยู่เสมอ หัวโขนที่ใช้สวมศีรษะออกแสดงโขนนั้น นอกเวลานำออก ใช้มักได้รับการการเก็บรักษาไว้ในภาชนะชนิดหนึ่งเรียกว่า ลุ้ง ประกอบด้วยตัวลุ้ง ฝาครอบสำหรับป้องกันหัวโขนที่เก็บรักษาไว้ภายในมิให้ชำรุด

ลุ้งสำหรับใส่หัวโขนนี้ มักทำเป็นรูปทรงกระบอกเตี้ย ๆ ตรงกลางตัวลุ้งตั้ง ทวน คือ หลักเตี้ยมีแป้นกลมสำหรับรองรับหัวโขนและชฎา ส่วนฝาลุ้งนั้นถ้าเป็นลุ้ง สำหรับเก็บหัวโขนอย่างหัวกลมเช่นศีรษะลิงโล้น ศีรษะยักษ์โล้นมักทำฝาหลังตัดตรง ถ้าเป็นลุ้งสำหรับเก็บหัวโดดดขนอย่างมีเครื่องยอดทรงมงกุฎหรือชำาก็มัก ทำฝาเป็นรูปกรวยกลมทรงสูงบ้างเตี้ยบ้าง เพื่อให้มีที่ว่างพอเหมาะแก่ขนาดสูงของเครื่องยอดชนิดนั้นๆลุ้งสำหรับเก็บ รักษาหัวโดดดขนนี้แต่ก่อนทำขึ้นด้วย เครื่องจักรสานลงรัก ต่อมานิยมทำด้วยสังกะสีต่อเป็นลุ้งดังกล่าว และมักทาสีภายนอกลุ้งต่างๆสี

การรักษาหัวโขนขนถ้าไม่เก็บไว้ในลุ้ง หากประสงค์จะตั้งแต่งไว้สำหรับดูชม จะต้องมี ทวน ตั้งขึ้นเทินหัวโขนให้สูงขึ้นจากพื้น ทำด้วยไม้ท่อนกลึงเป็นหลักทวน กับมีแป้นกลมตรงปลายทวนสำหรับรองรับหัวโขน ทวนคันหนึ่งๆขนาดสูงประมาณ ๑๐-๑๒ นิ้ว เมื่อนำเอาหัวโขนสวมตั้งบนทวนเช่นนี้แล้ว หัวโขนจะลอยเหนือพื้นพอสมควร การที่ต้องตั้งหัวโขนไว้บนทวนเช่นนี้ก็เพื่อให้ความสำคัญแก่หัวโขนทั้งนี้ เนื่องด้วยเป็นเครื่องสวมศีรษะเป็นของสำหรับ อวัยวะส่วนที่สูงที่สุดของร่างกายจึงไม่คววรตั้งวางหัวโดขนไว้บนพื้นซึ่งการ วางไว้บนพิ้นก็อาจเป็นเหตุให้หัวโขนล้มกลิ้ง ไปกระทบเข้ากับของข้างเคียงเกิดชำรุดเสียกายได้

อนึ่ง หัวโขนที่ใช้สวมในการแสดงโขนยังได้รับความนับถือ ไม่วางไว้ในที่ต่ำ ไม่ทำตกลงบนพื้น ไม่ข้ามมกราย เนื่องด้วยถือว่าเป็นของสูง ซึ่งเป็นประเพณีที่ดี และความประพฤติอันเรียบงามเป็นวิสัยปกติสำหรับคนไทยที่ถือปฏิบัติเนื่องๆมา

11 มีนาคม 2022 0 comment
5 FacebookTwitterLINEEmail
ฐานข้อมูลงานส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม

งานปูนปั้น

by วันณพงค์ 11 มีนาคม 2022
written by วันณพงค์

สกุลช่างเมืองเพชร งานปูนปั้น


งานปูนปั้น นับเป็นงานช่างสาขาหนึ่งของเพชรบุรีที่สืบทอดต่อกันมานาน เป็นศิลปะอย่างหนึ่งที่นิยมกันมาแต่โบราณ มีทั้งงานปั้นองค์พระพุทธรูปและปั้นประดับตกแต่งอาคารสิ่งก่อสร้างทาง สถาปัตยกรรมหน้าบัน อุโบสถ วิหาร ฐานพระพุทธรูป ฐานเจดีย์ ลายที่ปั้นมักเป็นลายไทยที่มีความวิจิตรพิสดารผสมผสานกันอยู่กันรูปปั้นพุทธ ประวัติ ประกอบด้วย เทพ เทวดา สัตว์หิมพานต์ และสัตว์ในวรรณคดี ใน อดีตการปั้นจะใช้ปูนซึ่งทำมาจากเปลือกหอยเผาไฟที่นำไปตำจนละเอียดผสมกับน้ำ อ้อย กระดา หนังหรือเขาสัตว์เผาไฟ แล้วนำไปตำรวมกัน ทำให้ได้ปูนที่มีความเหนียวสามารถปั้นเป็นรูปต่างๆได้ง่าย และเมื่อแห้งแล้ว จะแข็งตัวและทนแดด ทนฝนได้ดี เรียกว่า ปูนเพชร ปัจจุบัน ช่างปั้นจะใช้ปูนขาวสำหรับปั้น ที่มีขายในท้องตลาดไปตำรวมกับกระดา กาวหนังสัตว์ ทรายละเอียดและน้ำเพื่อให้ได้ปูนที่มีความเหนียวพอดีเหมาะสำหรับงานปั้น งาน ปูนปั้นตามรูปแบบของจังหวัดเพชรบุรี นิยมทำร่วมกับงานลงรักปิดทองและประดับกระจก เมื่อดูแล้วจะแข็งแรง ทนทานไม่หดตัวง่าย แพรวพราวมีลายเด่น ช่วยเสริมให้งานประกอบปูนปั้นเด่นยิ่งขึ้น เช่น ฐานพระ เป็นต้นงานปูนปั้นที่มีความโดเด่นสวยงามในเมืองเพชรมีหลายแห่ง ประดับอยู่ตามอาคารและสิ่งปลูกสร้างมีมากตามวัดทั่วไป อาทิ งานปูนปั้นหน้าบันพระวิหารหลวง พระปรางค์ และงานปูนปั้นโดยทั่วไปของศาลาวัดมหาธาตุวรวิหาร ผลงานของช่างเมืองเพชรหลายท่าน เช่นนายพิณ อินฟ้าแสง นายทองร่วง เอมโอษฐ นายเฉลิม พึ่งแตง นายสมพล พลายแก้ว หน้าบันวิหารพระคันธารราฐ วัดพลับพลาชัย ฝีมือของนายพิณอินฟ้าแสง หน้าบันและซุ้มประตูอุโบสถวัดปากคลอง ฝีมือ นายแป๋ว บำรุงพุทธ เป็นต้น ส่วนงานปูนปั้นฝีมือช่างสมัยอยุธยามีปรากกอยู่หลายแห่ง เช่น วัดไผ่ล้อม วัดสระบัว วัดเกาะ วัดใหญ่สุวรรณารามวรวิหาร วัดบันไดอิฐ เป็นต้น

ในการที่จะสร้างงานประติมากรรมปูนปั้นให้ได้ดีนั้นต้องมีความมุ่งมั่นขยันพาก เพียรในการปฏิบัติ เพราะเมื่อเริ่มปฏิบัติในช่วงแรกจะมีความรู้สึกยาก แต่พอปฏิบัติผ่านไปเรื่อยๆจะเริ่มเข้ามือมีทักษะในการปั้นขึ้นและสนุกกับการ ปั้น เปรียบเสมือนการฝึกขับรถใหม่ๆ จะดูสับสนไปหมด เพราะต้องใช้ทุกส่วนของร่างกายแต่พอผ่านไปสักระยะหนึ่งจะเกิดทักษะในการ ปฏิบัติงานขึ้น การปั้นรูปนอกจากจะฝึกฝนให้เกิดความชำนาญแล้วยังส่งผลประโยชน์ทั้งทางร่าง กายและจิตใจ บางคนฝึกสมาธิโดยการปั้นรูปเพราะจะทำให้สมาธินิ่งขึ้นหรือการนวดปูน การขึ้นรูปปูนเป็นการใช้แรงออกกำลังกายอย่างหนึ่งทำให้สุขภาพแข็งแรงดีเลือดลมสูบฉีด สิ่งหนึ่งซึ่งสำคัญมากในกระบวนการปั้นนั้นจะต้องวาดเส้น ( Drawing ) ซึ่งเป็นสิ่งที่คู่กับงานปั้น ประติมากรที่เก่งนั้นจะวาดเส้นดีทุกคนเพราะพื้นฐานสำคัญในการปั้นรูปให้ได้ดี

ปราณีตศิลป์ประเภทงานปูนปั้น

ประณีตศิลป์ประเภทต่อไปนี้ เป็นไปในลักษณะงานปั้นโดยอาศัยปูนโขลกปูนตำเป็นวัสดุสำคัญ ปั้นทำลวดลายประดับสำหรับตกแต่งติดกับวัตถุสถานต่าง ๆ เช่นพื้นหน้าบันกรอบซุ้มประตู ซุ้มหน้าต่าง เป็นต้น ประณีตศิลป์ประเภทงานปูนปั้น มิใช่ประณีตศิลป์ที่เพิ่งจะมาเกิดมีขึ้นเป็นคราวแรกใน รัชกาลที่ 3 งานปูนปั้นที่จัดเป็นประณีตศิลป์ได้มีอยู่แล้วและทำสืบกันลงมาแต่โบราณ ส่วนงานปูนปั้นซึ่งได้ทำขึ้นระหว่างรัชกาลที่ 3 นั้น มีสาระสำคัญอันเนื่องมาแต่พระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่เป็นการใหม่ ๆ ต่างกว่าขนบนิยมของงานปูนปั้น อันเคยถือปฏิบัติกันมาแต่กาลก่อน ซึ่งจะได้อธิบายเรื่องนี้โดยเฉพาะต่อไปข้างหน้า งานปูนปั้นที่ได้ทำขึ้นสำหรับตกแต่งวัตถุสถานต่าง ๆ เมื่อรัชกาลที่ 3 นั้น สังเกตได้ว่าใช้ปูนตำ 2 ชนิดด้วยกันคือปูนผสมน้ำกาวชนิด 1 กับปูนผสมน้ำมันอีกชนิด 1 คุณสมบัติของปูนตำทั้ง 2 ชนิดนี้ มีความคงทนเสมอกัน แต่ จะต่างกันที่ปูนผสมน้ำมันนั้นมีสิ่งมาร่วมผสมทำให้เนื้อปูนละเอียดกว่าปูน ผสมน้ำกาวปูนตำชนิดนี้จึงมักใช้ปั้นสิ่งที่ต้องการแสดงส่วนละเอียดให้ได้มาก ชัดเจน และวิจิตรประณีต ส่วนปูผสมน้ำกาวเนื้อปูนติดจะหยาบจึงใช้ปั้นแต่ของใหญ่ ๆ ไม่สู้ต้องการแสดงส่วนละเอียดมากนัก งานปูนปั้นที่เป็นการเนื่องด้วยพระราชดำริขึ้นใหม่ในรัชกาลนี้ มีสาระสำคัญในด้านความคิดและรูปแบบซึ่งจะเห็นได้ในงานปูนปั้นต่าง ๆ ต่อไปนี้

งานช่างปั้นปูนสด

ศิลปะ ปูนปั้น เป็นเทคนิคการประดับตกแต่ง ที่ช่างไทย นิยมนำ มาใช้ในการตกแต่งลวดลายบนงานสถาปัตยกรรมที่ก่อสร้าง ด้วยอิฐ หรือ ศิลาแลง มีปรากฏตั้งแต่สมัยทวารวดี และยังคงเป็นที่ นิยมสืบต่อกันมาทุก ยุคสมัย ดังจะพบเห็นได้ตามโบราณสถานโดย ทั่วไป ลวดลายเครื่องสถาปัตยกรรมที่ทำจากปูนปั้น มีทั้งที่เป็นรูป บุคคล รูปสัตว์ ลวดลายพันธุ์พฤกษา เป็นภาพเล่าเรื่องและอื่นๆ อีกมาก มีทั้งที่ทำเป็นภาพนูนสูง นูนต่ำ หรือทำเป็นประติมากรรมลอย ตัวทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคตินิยมและฝีมือช่าง

การ ปั้นปูนแบ่งออกเป็น ๒ วิธีใหญ่ๆ คือ การปั้นสด หรือ การปั้นที่ขึ้นรูปด้วยมือโดยตรง และการอัดปูนลงในแม่พิมพ์เป็นรูปลาย และยังมีการตกแต่งผิวของปูนปั้น เพื่อความสวยงามด้วยวิธีลงรักปิด ทอง ลงรักประดับกระจก หรือลงสีเขียนระบายด้วยก็ได้ลวด ลายปูนปั้นที่ประดับโบราณสถาน รวมทั้งเทคนิคในการทำแต่ละยุคสมัย จะมีรายละเอียดในรูปแบบ สามารถใช้ กำหนดอายุโบราณสถาน ที่มีลวดลายปูนนั้นๆ ประดับอยู่ได้ ลายปูนปั้นที่ประดับอยู่ตามโบราณสถานโดยทั่วไป มักอยู่ ในสภาพชำรุด เพราะภูมิอากาศ ความชื้น และฝนทำให้หักพังและหลุดร่วงได้ง่าย

ศิลปะ ปูนปั้นของไทย ที่นิยมปั้นตกแต่งอาคารพุทธสถาน ปราสาทราชวังมาแต่เดิมนี้ มีชื่อเรียกที่บ่งบอก ลักษณะต่างๆ กัน ดังนี้

ปูนปั้น เรียกตามลักษณะการปฏิบัติงาน คือ การนำมาปั้นงานศิลปกรรม

ปูนโบราณ เรียกตามการจัดยุคสมัย

ปูนตำ เรียกตามลักษณะขบวนการสร้างเนื้อวัสดุสำหรับใช้งาน

ปั้นปูนสด ปูนสด เรียกตามลักษณะสภาพเนื้อวัสดุที่เป็นอยู่ในขณะนำไปใช้ซึ่งมีความหมายใกล้ เคียงกับ ชื่อขบวนการในการปฏิบัติงานประติมากรรมสากลอย่างหนึ่ง คือ ขบวนการปั้นสดด้วยปูนปลาสเตอร์

ปูนงบน้ำอ้อย ปูนน้ำอ้อย ปูนน้ำมัน ปูนน้ำมันทั่งอิ้ว เรียกตามส่วนผสมที่มีอยู่ในเนื้อวัสดุ

ปูนไทย ปูนจีน ปูนฝรั่ง เรียกตามวัฒนธรรมที่ได้รับการถ่ายทอดมาในทางช่าง

ปูนเพชร เรียกตามคุณสมบัติที่แข็งแกร่งของเนื้อปูน เนื่องจากเมื่อแห้งและแข็งตัวแล้วจะแข็งแกร่งมาก ประดุจเพชร ปูนปั้นนี้มีมาแต่โบราณมีอยู่ทั่วทุกภาคทุกพื้นที่ของอาณาจักรสยาม เมื่อมีวัฒนธรรมตะวันตก เข้ามาในสมัย รัตนโกสินทร์มีการนำเทคนิค และวัสดุใช้งานแบบใหม่เข้ามา คือ ปูนซีเมนต์ ซึ่งเป็นที่นิยมมาก ขบวนการช่างไทย ของเดิมถูกทอดทิ้งไป แต่ด้วยความรักและหวงแหนในวิชาช่างปั้นปูนสด ของสกุลช่างเมืองเพชรบุรี แห่งจังหวัดเพชรบุรี และอีกหลายแหล่งในภาคอื่นๆ เช่น ช่างปั้นทางภาคเหนือ จึงสามารถอนุรักษ์ไว้ได้ ฝีมือช่างปั้นช่างเพชรบุรีเป็นที่ติดตา ต้องใจของผู้คนเป็นพิเศษ จนอาจเข้าใจว่าปูนเพชรแปลว่าปูนของช่างเมืองเพชรบุรีไป

ปูนหมัก เรียกตามขบวนการผลิตเนื้อปูนที่ต้องหมักไว้ก่อนใช้งาน

 ในการที่จะสร้างงานประติมากรรมปูนปั้นให้ได้ดีนั้นต้อง มีความมุ่งมั่นขยันพากเพียรในการปฏิบัติ เพราะเมื่อเริ่มปฏิบัติในช่วงแรกจะมีความรู้สึกยาก แต่พอปฏิบัติผ่านไปเรื่อยๆจะเริ่มเข้ามือมีทักษะในการปั้นขึ้นและสนุกกับการ ปั้น เปรียบเสมือนการฝึกขับรถใหม่ๆ จะดูสับสนไปหมด เพราะต้องใช้ทุกส่วนของร่างกายแต่พอผ่านไปสักระยะหนึ่งจะเกิดทักษะในการ ปฏิบัติงานขึ้น การปั้นรูปนอกจากจะฝึกฝนให้เกิดความชำนาญแล้วยังส่งผลประโยชน์ทั้งทางร่าง กายและจิตใจ บางคนฝึกสมาธิโดยการปั้นรูปเพราะจะทำให้สมาธินิ่งขึ้นหรือการนวดปูน การขึ้นรูปปูนเป็นการใช้แรงออกกำลังกายอย่างหนึ่งทำให้สุขภาพแข็งแรงดีเลือด ลมสูบฉีด สิ่งหนึ่งซึ่งสำคัญมากในกระบวนการปั้นนั้นจะต้องวาดเส้น ( Drawing ) ซึ่งเป็นสิ่งที่คู่กับงานปั้น ประติมากรที่เก่งนั้นจะวาดเส้นดีทุกคนเพราะพื้นฐานสำคัญในการปั้นรูปให้ได้ ดี

ภาพถ่าย โดยช่างภาพสมัครเล่นอิสระ คุณเกรียงไกร รักมิตร

11 มีนาคม 2022 0 comment
3 FacebookTwitterLINEEmail
ประชุม-อบรม-สัมมนา-ศึกษาดูงาน

เก็บข้อมูลและเยี่ยมชมกลุ่มผู้ดูแลและ ปลูกโกโก้ โดยกลุ่มเครือข่ายวิถีเกษตรธรรมชาติ ของตำบลช้างแรก​ อำเภอบางสะพานน้อย​ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

by นงลักษณ์ 10 มีนาคม 2022
written by นงลักษณ์

วันที่​ 10 มีนาคม 2565 ผู้ช่วยศาสตราจารย์พจนารถ บัวเขียว รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี พร้อมด้วยบุคลากรฝ่ายงานพัฒนาท้องถิ่นและบริการวิชาการ สถาบันวิจัยและส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม ลงพื้นที่ตำบลช้างแรก อำเภอบางสะพานน้อย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเก็บข้อมูลและเยี่ยมชมกลุ่มผู้ดูแลและ ปลูกโกโก้ โดยกลุ่มเครือข่ายวิถีเกษตรธรรมชาติ ของตำบลช้างแรก เพื่อดำเนินโครงการภายใต้โครงการยุทธศาสตร์การพัฒนาท้องถิ่น ประจำปี 2565 ทั้งนี้ได้รับความอนุเคราะห์ จาก คุณจีระพงศ์ รักประสูตร ผู้จัดการโครงการสกัดน้ำมันพืชและผลิตไบโอดีเซลครบวงจร มูลนิธิชัยพัฒนา ที่ได้มาให้ความรู้ในการปลูก และแปลรูปโกโก้ และเกษตรอำเภอบางสะพานน้อย ลงพื้นที่ร่วมด้วย เพื่อการทำงานแบบบูรณาการร่วมกัน ได้ข้อสรุปว่า จัดตั้งศูนย์เรียนรู้การปลูกโกโก้ในพื้นที่ส่วนกลางของกลุ่ม “เครือข่ายวิถีเกษตรธรรมชาติ ของตำบลช้างแรก” ให้เป็นที่ศึกษาดูงานด้านการปลูกโกโก้แบบครบวงจร ซึ่งมีแปลงต้นแบบการปลูกโกโก้ให้ได้คุณภาพ และการแปลรูปผลโกโก้ เป็นผงโกโก้เพื่อการสร้างมูลค่าเพิ่ม ของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ต่อไป

10 มีนาคม 2022 0 comment
1 FacebookTwitterLINEEmail
ประชุม-อบรม-สัมมนา-ศึกษาดูงาน

ยกระดับคุณภาพการปลูกข้าวปลอดภัยด้วยนวัตกรรมการเกษตร กลุ่มข้าวแปลงใหญ่ตำบลธงชัย​ อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

by นงลักษณ์ 9 มีนาคม 2022
written by นงลักษณ์

👉🏻ผู้ช่วยศาสตราจารย์​พจนารถ​ บัวเขียว​ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี​ พบปะพูดคุยกับพี่น้องชาวเกษตรกรกลุ่มข้าวแปลงใหญ่ตำบลธงชัยอำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ซึ่งมีนายประยูร ไพรพล เป็นประธานกลุ่ม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับคุณภาพการปลูกข้าวปลอดภัยด้วยนวัตกรรมการเกษตร

👉ทั้งนี้มหาวิทยาลัยฯมีแนวคิดในการสร้างเครือข่ายและขยายผลการผลิตข้าวที่มีคุณภาพโดยการถ่ายทอดองค์ความรู้จากวิสาหกิจข้าวชุมชนตำบลไร่มะขามขยายผลยังพื้นที่ประจวบคีรีขันธ์ ภายใต้โครงการยุทธศาสตร์การพัฒนาท้องถิ่นจังหวัดประจวบคีรีขันธ์

📌เมื่อวันพุธ ที่ 9 มีนาคม 2565 เวลา​ 16:00-18:00 น.​ ณ​ อาคารเอนกประสงค์ หมู่ 6 บ้านหนองตาเมือง ตำบลธงชัย อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

9 มีนาคม 2022 0 comment
1 FacebookTwitterLINEEmail
ข่าวงานส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม

สถาบันวิจัยฯ ร่วมกับหน่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมธรรมชาติและศิลปกรรมท้องถิ่นจังหวัดเพชรบุรี

by ปิยนันท์ 5 มีนาคม 2022
written by ปิยนันท์

ผศ.พจนารถ บัวเขียว ที่ปรึกษาหน่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมธรรมชาติและศิลปกรรมท้องถิ่นจังหวัดเพชรบุรี และ อ.ดร.ทวิพัฒน์ วิจิตรปัญญารักษ์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยฯ ร่วมพิธีอัญเชิญคุณพ่อปู่ดำใหญ่ขึ้นศาล

📍ณ โบราณสถาน วัดช้างร้าง ต.ท่าช้าง อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี และร่วมเจริญพระพุทธมนต์ ถวายภัตตาหารเพลพระสงฆ์ 10 รูป ทั้งนี้ยังได้ร่วมกับหน่วยงานในท้องถิ่นและชาวตำบลท่าช้าง ปลูกต้นพะยูงเพื่อเป็นร่มเงาต่อไปแก่บริเวณดังกล่าว ซึ่งจะพัฒนาเป็นศูนย์การเรียนรู้ต่อไป
📝วัดท่าช้างหรือวัดช้างร้าง เป็นวัดเก่าแก่สมัยอยุธยาตอนปลาย เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และเป็นพื้นที่สำคัญด้านประวัติศาสตร์ โดยหน่วยอนุรักษ์ฯ ได้ร่วมกับหน่วยงานในท้องถิ่นพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวเป็นศูนย์การเรียนรู้ทางด้านวัฒนธรรม และจะพัฒนาเชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวต่อไป
💠บทบาทและหน้าที่ของหน่วยอนุรักษ์ฯ💠
บทบาท
หน่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมธรรมชาติ และศิลปกรรมท้องถิ่นมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการดำเนินงานและประสานงานทางด้านวิชาการในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมธรรมชาติและศิลปกรรม
หน้าที่
1. ประชาสัมพันธ์ และเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจ ในเรื่องการอนุรักษ์ สิ่งแวดล้อมธรรมชาติและศิลปกรรมให้แก่ประชาชนในท้องถิ่น
2. ศึกษา รวบรวม บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมของแหล่งธรรมชาติและศิลปกรรม
3. ตรวจสอบดูแลสิ่งแวดล้อมโดยรอบแหล่งธรรมชาติ และรายงานสถานการณ์ที่คาดว่าจะมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ธรรมชาติและศิลปกรรม ไปยังสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
4. สนับสนุนให้มีการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมธรรมชาติและศิลปกรรม ในแต่ละท้องถิ่น ให้ถูกวิธี โดยท้องถิ่นและประชาชนมีบทบาทสำคัญ เพื่อเสริมสร้างบุคลากรในท้องถิ่นให้มีคุณภาพ
5. สนับสนุนข้อมูลทางวิชาการ รวมทั้งให้ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ ในการพิจารณาโครงการพัฒนาต่างๆ ที่จะเข้ามาในพื้นที่ ที่เป็นแหล่งธรรมชาติและศิลปกรรม เพื่อให้การพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมธรรมชาติและศิลปกรรมเป็นไปอย่างสอดคล้อง
6. ปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมธรรมชาติและศิลปกรรม
7. ปฏิบัติงานในฐานะเลขานุการของคณะอนุกรรมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมธรรมชาติและศิลปกรรมประจำจังหวัด
5 มีนาคม 2022 0 comment
2 FacebookTwitterLINEEmail
งานส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม

มาตรฐานการปฏิบัติงาน การจัดงานมหกรรมศิลปวัฒนธรรมและการแสดงนานาชาติ (ฝ่ายส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม)

by นงลักษณ์ 16 กุมภาพันธ์ 2022
written by นงลักษณ์

16 กุมภาพันธ์ 2022 0 comment
1 FacebookTwitterLINEEmail
งานวิจัยและพัฒนานวัตกรรม

มาตรฐานการให้บริการการยื่นขอจดทรัพย์สินทางปัญญา (ฝ่ายงานวิจัยและพัฒนานวัตกรรม)

by นงลักษณ์ 16 กุมภาพันธ์ 2022
written by นงลักษณ์

16 กุมภาพันธ์ 2022 0 comment
0 FacebookTwitterLINEEmail
สถาบันวิจัยฯ

ประกาศมหาวิทยาลัย เรื่อง เจตจำนงสุจริตในการบริหารงานและการปฏิบัติงานมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี

by นงลักษณ์ 31 มกราคม 2022
written by นงลักษณ์
ประกาศ-เจตจำนงสุจริตใ
31 มกราคม 2022 0 comment
0 FacebookTwitterLINEEmail
  • 1
  • …
  • 54
  • 55
  • 56
  • 57
  • 58
  • …
  • 76

Keep in touch

Facebook Twitter Instagram Pinterest Youtube Email

Recent Posts

  • 📰 มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี นำผลิตภัณฑ์จากแผนงานวิจัย RAINs for LCP Food Valley เพื่อเก็บข้อมูล Post-Consumer Preference ในงานวิ่ง Run in the Rain ณ อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน 🏃🏻‍♀️💨

    29 มิถุนายน 2025
  • กิจกรรมสาธิตสร้างสรรค์ผลงานศิลปะในวัฒนธรรมวิถีของดีต้นมะม่วง ตอน ต้องมนต์ ต้น‘ม่วง

    29 มิถุนายน 2025
  • นำเสนอศักยภาพมหาวิทยาลัย ในการจัดกิจกรรมวัฒนธรรมวิถีของดีต้นมะม่วง ตอน ต้องมนต์ต้น‘ม่วง

    29 มิถุนายน 2025
  • มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี หนุนเสริมองค์ความรู้ ยกระดับผลิตภัณฑ์ปลาอินทรีย์ สู่การพัฒนาท้องถิ่นอย่างยั่งยืน

    29 มิถุนายน 2025
  • 📢 สสว. เข้าพบอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี เพื่อหารือแนวทางส่งเสริมผู้ประกอบการในพื้นที่เพชรบุรี 🤝

    24 มิถุนายน 2025

All Right Reserved @2022 สถาบันวิจัยและส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม

สถาบันวิจัยและส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี
  • หน้าแรก
  • เกี่ยวกับ
    • ประวัติความเป็นมา
    • วิสัยทัศน์ / พันธกิจ / เอกลักษณ์ / อัตลักษณ์
    • โครงสร้างสถาบันวิจัยฯ
    • ผู้บริหารสถาบันวิจัยฯ
    • บุคลากรสถาบันวิจัยฯ
  • ข่าวสาร
    • ข่าวประชาสัมพันธ์
    • ข่าวงานวิจัยและพัฒนานวัตกรรม
    • ข่าวงานพัฒนาท้องถิ่นและบริการวิชาการ
    • ข่าวงานส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม
  • ส่วนงาน
    • งานบริหารทั่วไป
    • งานวิจัยและพัฒนานวัตกรรม
    • งานมาตรฐานการวิจัย
    • งานพัฒนาท้องถิ่นและบริการวิชาการ
    • งานส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม
  • เอกสาร และข้อมูลอื่น ๆ
    • ระเบียบ / ประกาศ / คำสั่ง
      • สถาบันวิจัยฯ
      • งานวิจัยและพัฒนานวัตกรรม
      • งานพัฒนาท้องถิ่นและบริการวิชาการ
      • งานส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม
    • แผนและรายงานของสถาบันวิจัยฯ
    • คู่มือ/มาตรฐานการปฏิบัติงาน
      • งานบริหารงานทั่วไป
      • งานวิจัยและพัฒนานวัตกรรม
      • งานพัฒนาท้องถิ่นและบริการวิชาการ
      • งานส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม
    • เอกสารดาวน์โหลด
    • เอกสารเผยแพร่
    • ฐานข้อมูล
      • ฐานข้อมูลงานส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม
      • ฐานข้อมูลงานพัฒนาท้องถิ่นและบริการวิชาการ
    • การให้บริการ
      • Walk-in
      • E-Service
        • ระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์และจัดเก็บเอกสารมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี
        • ระบบบริหารจัดการงานวิจัยมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี
        • ระบบขอจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี
        • ระบบรายงานผลโครงการยุทธศาสตร์การพัฒนาท้องถิ่น
      • สถิติการให้บริการของสถาบันวิจัยและส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม
  • ติดต่อเรา
    • หน่วยงานต่าง ๆ ภายในมหาวิทยาลัย