วันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2568
สถาบันวิจัยและส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม ร่วมกับคณะครุศาสตร์ โดยผู้ช่วยศาสตราจารย์อารี น้อยสำราญ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี มอบหมายให้ นางสาวพิชชานันท์ กรีดกราย นักวิชาการศิลปวัฒนธรรมปฏิบัติการ และนายรตน ถวิลหวล เจ้าหน้าที่ประจำโครงการงานศิลปวัฒนธรรม คณะครุศาสตร์ โดย รองศาสตราจารย์ ดร.กาญจนา บุญส่ง คณบดีคณะครุศาสตร์ มอบหมายให้ นางสาวน้ำฝน แสงอรุณ รักษาการหัวหน้าสำนักงานคณบดีคณะครุศาสตร์ และนางสาวชนิษศา พุ่มสมบัติ นักบริหารงานทั่วไป เข้าร่วมจัดนิทรรศการในงาน 5F วัฒนธรรมพลวัตศักยภาพวิถีไทย ณ บริเวณหน้าห้องประชุมสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ 1 อาคารเรียนรวมและศูนย์วัฒนธรรม (พุทธวิชชาลัย) มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร กรุงเทพมหานคร
ภายในนิทรรศการครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือระหว่าง สถาบันวิจัยและส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม และคณะครุศาสตร์ มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ศักยภาพของวิถีไทยในด้านต่าง ๆ ภายใต้แนวคิด 5F ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการขับเคลื่อน Soft Power โดย มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรีได้นำเสนอผลงานลายผ้าพื้นถิ่นที่ออกแบบลวดลายโดยอิงจากอัตลักษณ์และภูมิปัญญาท้องถิ่นของจังหวัดเพชรบุรี จำนวน 10 ลาย ได้แก่
1) ผ้าลายอย่าง ซึ่งเป็นผ้าชั้นสูงที่ใช้ในราชสำนักไทยตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุทธยาฯ
2) ผ้าบายเพ็ชรราชวัตร ซึ่งได้ถอดแบบมาจากผ้าอินเดียที่ใช้เป็นผ้าห่อพระคัมภีร์ที่วัดลาด
3) ผ้าลายสุวรรณวัชร์ เป็นลายผ้าที่ต่อยอดมาจากผ้าเพชรราชภัฏ และได้รับการยอมรับจากจังหวัดเพชรบุรี
4) ผ้าลายปลาทู เป็นผ้าที่เกิดจากการศึกษาวงจรชีวิตของปลาทูในอ่าวไทย
5) ผ้าลายทุ่งนาป่าตาล เป็นผ้าที่เกิดจากการศึกษาความเป็นมาของเส้นทางสายไหมทางทะเลในอดีตจนถึงปัจจุบัน
6) ผ้าลายเพชรราชภัฏ เป็นผ้าอัตลักษณ์ของมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรีและจังหวัดเพชรบุรี
7) ผ้าลายครอบครัวปลาวาฬ เป็นลายอัตลักษณ์ของพื้นที่หมู่บ้านคลองวาฬ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
8) ผ้าลายพลายแรมสิงขร เป็นผ้าลายที่แสดงความรำลึกถึงช้างเชือกสุดท้ายในหมู่บ้านสิงขร
9) ผ้าลายเหรียญดอกไม้พระร่วง ซึ่งเป็นเหรียญโลหะผสมระหว่างดีบุกกับตะกั่วที่พบในแม่น้ำเพชรบุรี เป็นเงินที่ใช้กันแพร่หลายในสมัยกรุงศรีอยุทธยา
10) ผ้าพันคอ “ลายแผนที่แหล่งโบราณคดียุคทวารวดีเมืองพริบพรี” เป็นผ้าพันคอที่ออกแบบลายเป็นแผนที่เมืองเพชรบุรีที่แสดงถึงโบราณคดียุคทวารวดีที่พบในจังหวัดเพชรบุรี
11)ผ้าพันคอลาย “หมู่บ้านไทยติดแผ่นดิน” เป็นลายหมู่บ้านไทยติดแผ่นดินในพื้นที่เมียนมาในปัจจุบัน อดีตเคยอยู่ในความปกครองของสยาม รวบรวมข้อมูลได้ประมาณ 39 หมู่บ้าน ดังนี้ ด้านตรงข้ามกระบุรี และชุมพร ประกอบด้วย บ้านไชปู บ้านหมาราง บ้านสมภาร บ้านขี้กาไฟ บ้านตลิ่งชัน ด้านตรงข้ามบางสะพาน ประกอบด้วย บ้านกะระกูริ บ้านทุ่งเสม็ด บ้านคลองเข้ วัดคีรีนิมิต จ.ปกเปี้ยน บ้านหัวช้าง บ้านดอนขนุน บ้านสังการี ซึ่งจะข้ามทางช่องคลองลอย ด้านตรงข้ามด่านสิงขร ประกอบด้วย วัดแม่น้ำวัด (สะพานสาม) สะพานท่าแพ บ้านทรายขาว (ทัพพญาใหญ่) บ้านทรายขาวเก่า บ้านแมวไห้ บ้านปอเหนอ บ้านยางชุม บ้านทุ่งมะพร้าว บ้านทุ่งมะนาว บ้านวังจำปา บ้านปากคลอง บ้านสิงขร เมืองเก่าสิงขร บ้านสองช่อง ชาละวัน บ้านแหลมยวน บ้านน้ำขาว บ้านทุ่งทองหลาง บ้านตลิ่งแดง บ้านวังใหญ่ บ้านลำมะเทง บ้านจมูกโพรง บ้านทับแล บ้านแลเต่ายา อ.ตะนาวศรี บ้านหมอกทุ่ม
ทั้งนี้ สถาบันวิจัยและส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมยังคงเดินหน้าสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมจากทุนทางวัฒนธรรม พร้อมส่งเสริมการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นให้สอดคล้องกับโลกยุคใหม่ เพื่อสร้างสังคมแห่งความภาคภูมิใจในรากเหง้าวิถีไทยสืบไป